"ยิ่งลักษณ์ -ปธน.เกาหลี" ประกาศร่วมมือศก. ตั้งเป้าลงทุน 5 หมื่นล้าน
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 16:35:30 น
.
.
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายอี มยอง บัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9 -11 พฤศจิกายน 2555 โดยมีพิธีตรวจแถวกองเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นได้ร่วมหารือทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีและนายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีงาช้าง ในเนื้อหาความสัมพันธ์ทวิภาคี ความร่วมมือในภูมิภาค ตลอดจนประเด็นระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองประเทศ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงว่า จากการหารือไทยและสาธารณรัฐเกาหลีได้บรรลุข้อตกลงที่จะยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของนายกรัฐมนตรีในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองเห็นว่าเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ และยินดีที่วันนี้จะมีการลงนาม MOU ซึ่งเป็นผลมาจากการยกระดับความสัมพันธ์ดังกล่าว โดยจะครอบคลุมความร่วมมือใน 4 ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมวัฒนธรรม โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้กำกับความคืบหน้าให้เป็นรูปธรรม
“ดิฉันและประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี เห็นชอบให้รัฐมนตรีด้านการค้าทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการในเรื่องการค้าร่วมกัน โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าลักษณะก้าวกระโดดจาก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้เป็น 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเพิ่มการค้า ข้าว ส้มโอ ลำไย และสัตว์ปี อาทิ ไก่แช่แข็ง” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ จะเพิ่มการหารือภาครัฐและเอกชน ศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันในการจัดทำหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมระหว่างไทยและสาธารณรัฐเกาหลี โดยตั้งเป้าหมายว่าให้มีการสรุปผลการศึกษาทางเศรษฐกิจภายใน 12 เดือน เพื่อเสนอให้รัฐบาลทั้งสองประเทศตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกันบริหารจัดการในเรื่องภัยพิบัติโดยเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการฝึกซ้อมการรับมือภัยพิบัติในกรอบ ARF ครั้งที่ 3 ในปี 2556 ระหว่างไทยและสาธารณรัฐเกาหลีด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ได้กล่าวชื่นชมไทยที่เป็นหลักในการขับเคลื่อนการรวมตัวของภูมิภาค โดยฝ่ายเกาหลีพร้อมสนับสนุนเพื่อส่งเสริมภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งเน้นจุดเชื่อมที่สำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์การค้า การขนส่ง การผลิต การพัฒนาที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ สาธารณรัฐเกาหลี แสดงความสนใจที่จะลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง พร้อมถ่ายโอเทคโนโลยีให้ประเทศไทย
ขณะที่ นายอี มยอง บัก กล่าวว่า การหารือวันนี้ได้การหารือด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รวมถึงความร่วมมือในเวทีโลก ซึ่งได้ตกลงกันในหลากหลายด้าน อีกทั้งขอชื่นชมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯที่สามารถนำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมอันใหญ่หลวงเมื่อปีที่แล้ว พร้อมทั้งนำพาประเทศให้ก้าวต่อไปข้างหน้า ด้วยความเป็นผู้นำที่อบอุ่น ประเทศไทยถือว่าเป็นมิตร เพราะที่ผ่านมาในอดีตได้มีการสละเลือดเนื้อเพื่ออิสรภาพและเสรีภาพของประเทศเกาหลี ตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลี จึงทำให้ไทยและเกาหลีมีความเป็นมิตรอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้าขายระหว่างประเทศ ที่มีมากถึง 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และการแลกเปลี่ยนด้านบุคลากรที่มีมากถึง 1.3 ล้านคนต่อปี ซึ่งการเป็นมิตรประเทศดังกล่าว ถูกยกระดับขึ้นมาเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี กล่าวต่อว่า ตนและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ตั้งเป้าหมายร่วมกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างประเทศ ซึ่งเราเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องใช้แผนปฏิบัติการในการร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ รวมถึงวิจัยร่วมกัน เพื่อใช้กรอบตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นหรือเรียกว่า ซีอีพีเอ ขณะเดียวกันยังได้หารือในการเพิ่มความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีด้วย และได้ตกลงตร่วมกันในความพยายามขายความร่วมมือรถไฟความเร็วสูง ที่จะมีการถ่ายโอนด้านเทคโนโลยี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นต้น นอกจากนี้ในเรื่องของสถาบันการเงินเกาหลีมาเปิดที่ประเทศไทย น่าจะช่วยกระตุ้นการค้าขาย การลงทุน ของทั้งสองประเทศ
นายอี มยอง บัก กล่าวอีกว่า ยินดีที่รัฐบาลดำเนินการสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำขนาดใหญ่ตามวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาประเทศในระยะยาว เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้นเราจึงได้ตกลงในการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรน้ำซึ่งกันและกัน โดยตนจะเดินทางไปเยี่ยมชมคลองลัดโพธิ์ และจะทำการก่อตั้งศูนย์วัฒนธรรม เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกันในปี 56
“การมาเยือนครั้งนี้เป็นการมาเยือนของประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเกาหลีในรอบ 31 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสเพิ่มพูนความสัมพันธ์ของ สองประเทศอย่างเข้มแข็ง ตนรู้สึกยินดีที่ความสัมพันธ์ได้ยกระดับขึ้นมาเพื่อต้อนรับปี 56 ที่จะครบรอบ 55 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยและเกาหลี”ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี กล่าว
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น